การล้างลำไส้ทำให้อาการสิวดีขึ้น
อีกหนึ่งวิธีที่สามารถลดการเกิดสิวได้ ซึ่งได้ข้อมูลจากการรวบรวมจากคนที่เคยทำการล้างลำไส้และช่วยให้อาการสิวดีขึ้น
วิธีการต่าง ๆ ที่นำมาเสนอนี้เป็นเพียงตัวอย่างของการทำความสะอาดระบบย่อยเท่านั้น จึงควรพิจารณาถึงความเหมาะสมด้วย วิธีที่จะกล่าวนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เคยทำความสะอาดระบบย่อยมาก่อนเลย และสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยระดับกลาง หรือทำความสะอาดเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดกับระบบย่อย ระยะห่างในการทำความสะอาดนี้โดยปกติแล้วจะอยู่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ต่อครั้ง
1.Activated Charcoal
ช่วยบีบรัดลำไส้ให้ขับสารพิษออกไป และช่วยทำลายแบคทีเรียที่ไม่มีประโยชน์ออกไปทางอุจจาระ Activated Charcoal ให้รับประทาน 500-600 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง
สามารถหาซื้อและดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://www.pharm.chula.ac.th/osotsala/otcproject/2.html
2.Bentonite Clay
หากไม่สามารถหา Activated charcoal ได้ ก็สามารถใช้โคลน Bentonite แทนได้ ซึ่งเป็นโคลนที่สามารถรับประทานได้ ทำหน้าที่ช่วยให้ระบายโดยการดูดซึมน้ำและเปลี่ยนเป็นเจล และบีบรัดสารพิษเช่นพวกยาฆ่าแมลงให้รวมอยู่ในโคลนแล้วเคลื่อนออกไปทางลำไส้ โคลน Bentonite สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอาหารสุขภาพ โดยรับประทานโคลน 1 ช้อนโต๊ะก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง วันละ 2-3 ครั้ง
หมายเหตุ: ในบ้านเราอาจจะหา Activated Charcoal ง่ายกว่า
3.Psyllium
เป็นใยอาหารที่ช่วยให้การทำงานของลำไส้เป็นไปได้อย่างปกติ ช่วยทำความสะอาดน้ำเมือกที่อยู่ในลำไส้และเพิ่มปริมาณอุจจาระ รับประทาน ซิลเลี่ยม 1 ช้อนชา วันละ 3 ครั้ง โดยชงซิลเลี่ยม 1 ช้อนชาในน้ำเปล่า 1 แก้ว (240 มล.) แล้วรับประทานทันที สามารถรับประทานร่วมกับ activated charcoal หรือหากใช้โคลน Bentonite ก็นำมาชงรวมกันกับซิลเลี่ยมได้เลย
สามารถหาซื้อและดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://www.gnc.co.th/solution.php?solution_id=55
4.Probiotics
ระบบย่อยนั้นจะรักษาความสมดุลระหว่างจุลินทรีย์ที่ดีและจุลินทรีย์ที่อันตรายต่อร่างกาย Probiotics เป็นรูปของอาหารเสริมจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ได้มีการใช้กันมานานหลายปีแล้ว เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณของแบคทีเรียที่ทำหน้าที่ปกป้องและรักษาสภาพร่างกายให้สมดุล ให้รับประทาน probiotics ต่ออีกประมาณ 1 เดือนหลังจากทำความสะอาดลำไส้แล้ว - - วิธีการเลือกอาหารเสริม probiotics Probiotics ที่นิยมกันทั่วไปและให้ประโยชน์สูงคือ Lactobacillus acidophilus สำหรับลำไส้เล็ก และ Bifidobacterium bifidum สำหรับลำไส้ใหญ่ ให้เลือกชนิดที่มีสองอย่างนี้รวมอยู่ด้วยกัน - - ควรเก็บ Probiotics ไว้ในตู้เย็นเสมอ ก่อนและหลังการเปิดขวดแล้ว
5.รับประทานผักผลไม้สด
ผักสด: ยกเว้นข้าวโพด ซึ่งอาจเป็นอาหารที่ทำให้เกิดการแพ้ได้ อาหารที่ดีต่อโปรแกรมทำความสะอาดลำไส้คือ บร๊อคโคลี่, ดอกกะหล่ำ, หอมใหญ่, กระเทียม, ผักกาดหัว, ผักสีเขียวและสีแดง อาหารที่รับประทานนั้นควรเป็นผักและผลไม้ในสัดส่วนที่ 40% ของมื้ออาหาร
ข้าว: ข้าวนั้นย่อยได้ง่าย เลือกเป็นข้าวกล้องจะดีกว่าข้าวขาว
ถั่ว: ถั่วเขียวและถั่วเหลืองนั้นย่อยได้ง่ายและใช้เวลาน้อยกว่า ถั่วแดงและถั่วอื่น ๆ
ผลไม้เปลือกแข็ง: ถั่วเปลือกแข็งแบบไม่เค็ม
ปลา: ต้ม, ปิ้ง, นึ่ง
เพิ่มเติม: น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์, น้ำมันเมล็ดองุ่น
ชาสมุนไพร: ชาที่ไม่มีคาเฟอีน ยกเว้นชาเขียว
น้ำเปล่า, น้ำมะนาว, น้ำผลไม้, น้ำนมข้าว
อาหารที่ต้องหลีกเลี่ยง
น้ำตาล: น้ำตาลที่ผ่านกรรมวิธี และเครื่องปรุงที่ผสมน้ำตาลผ่านกรรมวิธีเช่นซูโครส, เด็กซ์โตรส, คอร์นไซรัป, น้ำตาลทรายแดง และหลีกเลี่ยงสารให้ความหวาน
ผลิตภัณฑ์จากนม: นม, ไข่, เนย และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ได้จากนม
ข้าวสาลี และผลิตภัณฑ์ที่ผสมข้าวสาลี
ข้าวโพด: ข้าวโพดและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากข้าวโพด
ยีสต์
คาเฟอีน: กาแฟ, ทั้งแบบปกติและแบบปราศจากคาเฟอีน, ชาดำ, ชาเขียว และเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน
เนื้อแดง, แอลกอฮอล์, สารปรุงแต่งอาหาร, สารกันเสีย, ช๊อคโกแลต, อาหารที่มีไขมันสูง
6.น้ำซุปผัก
มีส่วนประกอบของแร่ธาติต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการทำความสะอาดเนื้อเยื่อ ให้ดื่มวันละ 2 ถ้วย
7. น้ำดื่ม
การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อรับประทาน psyllium, activated charcoal หรือโคลน bentonite ให้ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8-12 แก้ว ในการคำนวณปริมาณน้ำที่ดื่มเข้าไปต่อวันนั้น อย่าลืมคำนวณชาสมุนไพร และน้ำซุปผักเข้าไปด้วย
8.การอาบน้ำร้อนสลับเย็น
เป็นการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด, เพิ่มการขับสารพิษ และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ช่วยนำสารอาหาร, ออกซิเจน และและเซลล์คุ้มกัน เพื่อขจัดเนื้อเยื่อที่เกิดจากความเครียดออกไป โดยการเผาผลาญขยะเหล่านี้ เริ่มจากการอาบน้ำร้อนเป็นเวลา 3 นาที แล้วตามด้วยน้ำเย็นไม่เกินหนึ่งนาที เริ่มกระบวนการนี้ทั้งหมดอีกหนึ่งรอบ และทุกครั้งที่จบให้จบด้วยน้ำเย็น (เช่น น้ำร้อน 3 นาที – น้ำเย็น 1 นาที – น้ำร้อน 3 นาที – น้ำเย็น 1 นาที)
ที่มา
- altmedicine.about.com
- steadyhealth.com
แปลและเรียบเรียงโดย Acnethai.com