การล้างตับ(liver flush)
บางคนอาจจะเคยได้ยิน หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยิน วิธีการนี้คือการล้างตับโดยที่ไม่ต้องผ่า ไม่ต้องกินยา สามารถทำได้เองที่บ้านและได้ผลจริง ซึ่งจะช่วยเรื่องสิว ผิวพรรณและโรคต่างๆอีกมากมาย
ภาพก่อนนิ่วที่อยู่ในตับ
การล้างตับ
การล้างตับ (liver flush) เป็นวิธีการที่ง่ายและมีประโยชน์กับร่างกายมาก 90% ของคนเราจะมีนิ่วในถุงน้ำดีและนิ่วในตับ ซึ่งนิ่วพวกนี้จะทำให้ประสิทธิภาพของตับในการดูดซับสารพิษจากอาหารหรือสิ่งที่เข้าไปในร่างกายลดลง เมื่อไม่มีนิ่ว ตับของคุณก็จะดูดซับสารพิษต่างๆที่เข้าไปในร่างกายได้เต็ม 100% จนกระทั่งันเกิดขึ้นมาอีก ไม่เว้นแม้แต่เด็กก็มีเหมือนกัน ถ้าตับของคุณเต็มไปด้วยนิ่วร่างกายก็จะต้องใช้กำลังส่วนอื่นขับมันออกไป ผิวของคุณก็รวมอยู่ในกระบวนการนี้ด้วย นิ่วพวกนี้เกิดจากการกินอาหารที่เป็นพิษกับร่างกาย การสูดเอาอากาศที่เป็นพิษเข้าไปในร่างกาย รวมทั้งน้ำดื่มที่เราดื่มเข้าไป
ถ้าคุณสามารถกำจัดนิ่วพวกนี้ออกไปจากร่างกาย อวัยวะต่างๆในร่างกายคุณก็จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพรวมทั้งช่วยทำให้ผิวพรรณดูดีขึ้น
ภาพก้อนนิ่วจำนวนมากที่อยู่ในถุงน้ำดี
ได้มีการสำรวจผลจากคนที่เป็นสิวแล้วทำการล้างตับ (liver flushing)
คนที่เป็นสิวเรื้อรัง
-10 ใน 66 คน สิวหาย
-33 ใน 64 คน อาการสิวดีขึ้น
สิวฮอร์โมน
-2 ใน 33 คน สิวหาย
-7 ใน 33 คน อาการสิวดีขึ้น
และอาการอย่างอื่นเช่น ปวดหลัง เรื้อนกวาง และอีกหลายโรคดีขึ้น
สิ่งที่ต้องเตรียม
-น้ำแอปเปิ้ล
-ดีเกลือ(Magnesium sulfate,Epsom salt)
-น้ำมะนาว
-น้ำมันมะกอก
-ผักและผลไม้ที่ชอบ
วิธีการ(มีหลายวิธีในการทำ liver flushing ของที่ใช้ในวิธีนี้สามารถหาได้ในบ้านเรา)
1.ดื่มน้ำแอ๊ปเปิ้ล 2 ถ้วย ทุก 2 ชั่วโมงตลอด 2 วัน
2.ในสองวันนี้ทานเฉพาะผักกับผลไม้
3.ก่อนนอนให้ผสมดีเกลือ 2 ช้อนโต๊ะในน้ำหนึ่งแก้วแล้วกิน พอดื่มเสร็จให้ตามด้วยน้ำมันมะกอกครึ่งถ้วยผสมกับน้ำมะนาว 1 ลูก กินตามลงไป
ภาพเมื่อทำการล้างตับตามขั้นตอนก้อนนิ่วจะออกมาเมื่อเราถ่าย
คุณสมบัติของสิ่งที่เรากินเข้าไป
-น้ำแอ๊ปเปิ้ลอุดมไปด้วยกรด malic ซึ่งจะเข้าไปทำละลายทำให้ก้อนแข็งอ่อนลง
-ดีเกลือ จะช่วยให้กล้ามเนื้อต่างๆผ่อนคลายรวมทั้งช่วยให้ท่อน้ำดีขยายออก ทำให้นิ่วนั้นผ่านออกมาได้
-น้ำมันมะกอกจะช่วยกระตุ้นการขับออกมา
ที่มา
Dr. Hulda Clark absoluteacneinfo.com
Cathy Wong altmedicine.about.com
Dr. Cluade M. Lewis curezone.com
แปลและเรียบเรียงโดย Acnethai.com
อีกหนึ่งวิธีในการทำ Liver flush
สิ่งที่ต้องเตรียม
น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ½ ถ้วย
มะนาว 3 ลูก
ดีเกลือ 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำสะอาด 3 ถ้วย
**หมายเหตุ 1 ถ้วย = 250 มล.**
ในการล้างทำความสะอาดนี้ ควรทำในวันหยุดเช่นวันเสาร์ เพื่อจะได้หยุดพักต่อในวันถัดไปได้
รับประทานอาหารเช้าและอาหารกลางวันที่ปราศจากไขมันเช่น ซีเรียลกับผลไม้, น้ำผลไม้, ขนมปังและแยมหรือน้ำผึ้ง (ไม่มีนมหรือเนย) มันฝรั่งหรือผักอื่น ๆ นำไปอบปรุงรสด้วยเกลือเท่านั้น จะเป็นการสร้างน้ำดีและเพิ่มแรงดันในตับ ยิ่งมีแรงดันสูงก็จะยิ่งทำให้ก้อนนิ่วหลุดออกมาก
2 โมงเย็น : ห้ามดื่มหรือกินอะไรทั้งสิ้นหลังบ่ายสองโมงเย็นไปแล้ว หากไม่ทำตามกฎอาจมีอาการไม่สบายเล็กน้อยได้ ช่วงเวลานี้ให้เตรียมน้ำดีเกลือเอาไว้ให้พร้อม โดยการผสมดีเกลือ 4 ช้อนโต๊ะ ในน้ำ 3 ถ้วยที่เตรียมเอาไว้ใส่เหยือกหรือภาชนะสำหรับน้ำดื่ม น้ำที่ผสมนี้จะใช้ดื่มได้ 4 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะรินเพียง ¾ ของแก้ว จากนั้นนำน้ำดีเกลือที่ผสมแล้วใส่ตู้เย็น (เพื่อความสะดวกในการใช้ดื่มแต่ละครั้ง และรสชาติที่ดีกว่าดื่มแบบไม่เย็น เท่านั้น)
(สูตรการผสมน้ำดีเกลือนี้สามารถเปลี่ยนจากน้ำสะอาด 3 ถ้วย เป็นน้ำอย่างอื่นแทนได้ เช่นน้ำผลไม้สด หรือน้ำแอ๊ปเปิ้ลสด เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีขึ้น)
6 โมงเย็น : ดื่มน้ำดีเกลือที่ผสมไว้แก้วที่หนึ่ง (3/4 ของแก้ว) ในกรณีที่ไม่ได้เตรียมเอาไว้ตามวิธีการข้างต้น ให้ผสมดีเกลือ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำ ¾ ของแก้ว โดยอาจเติมผงวิตามินซี 1/8 ของช้อนชา เพิ่มลงไปเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีขึ้น - - หลังจากดื่มน้ำดีเกลือไปหนึ่งแก้วแล้ว ให้เตรียมน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์และน้ำมะนาวไว้ให้พร้อม
ทางเลือกเพิ่มเติม ทางที่ 1: หากลืมดื่มน้ำดีเกลือตอน 6 โมงเย็น ให้ดื่มทีเดียวตอน 2 ทุ่ม แต่อย่างอื่น ๆ ให้คงไว้ตามเดิม ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรอีก หลาย ๆ คนถ่ายก้อนนิ่วออกมาได้แม้ในการดื่มน้ำดีเกลือในปริมาณน้อย ๆ แต่หากยังไม่มีอะไรออกมา ให้ทำเต็มขั้นตอนในครั้งถัดไป
2 ทุ่ม : ดื่มน้ำดีเกลือแก้วที่สอง แม้ว่าจะไม่ได้รับประทานอาหารใด ๆ ตั้งแต่บ่ายสองโมงเย็น แต่ก็จะไม่รู้สึกหิว ให้เตรียมตัวให้พร้อมในขั้นตอนต่อไป
3 ทุ่ม 45 นาที : รินน้ำมันมะกอกบริสุทธ็ ½ ถ้วย, ล้างมะนาวทั้ง 3 ลูกให้สะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง จากนั้นบีบมะนาวลงไปในถ้วยอีกใบ แล้วใช้ส้อมเขี่ยเนื้อมะนาวออก จะได้น้ำมะนาวอย่างน้อย ½ ถ้วย แล้วนำน้ำมันมะกอกที่ตวงไว้ผสมกับน้ำมะนาวที่บีบไว้ เขย่าให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
ได้เวลาเข้าห้องน้ำสัก 1-2 ครั้งแล้ว แม้ว่าจะเข้าห้องน้ำบ่อยช่วงนี้ก็จำเป็นต้องเข้า อาจจะใช้เวลาถึง 4 ทุ่ม แต่อย่าให้ช้าเกิน 4 ทุ่ม 15 นาที ไม่อย่างนั้นจะได้ก้อนนิ่วน้อยลงกว่าที่ควร
4 ทุ่ม : ดื่มน้ำมันมะกอกผสมมะนาวที่เตรียมไว้ แล้วเริ่มจิบ หากใช้หลอดดูดก็จะง่ายขึ้น หลังจากดื่มเรียบร้อยแล้วให้รอประมาณ 5 นาที (อาจเป็น 15 นาที ในผู้ที่อายุมากแล้วหรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ) เมื่อดื่มแล้วให้เดินไปที่เตียงนอนให้เร็วที่สุด จากนั้นให้รีบนอนลงทันที หากไม่รีบนอนลงอาจทำให้การกำจัดก้อนนิ่วไม่สำเร็จ ยิ่งรีบนอนลงเร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งกำจัดก้อนนิ่วได้มากเท่านั้น โดยนอนหงายหนุนหมอน แล้วลองคิดว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นบ้างในตับเรา พยายามนอนให้นิ่งเช่นนั้นประมาณ 20 นาที จะรู้สึกได้ว่าขบวนก้อนนิ่วเหมือนลูกแก้วกลิ้งอยู่ ลังผ่านไปยังท่อน้ำดี ขณะนี้จะไม่มีความรู้สึกว่าเจ็บปวดใด ๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากวาล์วท่อน้ำดีกำลังเปิด (เป็นผลมาจากดีเกลือ) ไม่ต้องกังวล แล้วพยายามนอนให้หลับ
เช้าวันต่อมา : เมื่อตื่นนอนแล้วให้ดื่มน้ำดีเกลือที่ผสมเหลือจากเมื่อวัน ถือเป็นแก้วที่สาม หากมีอาการท้องอืดหรือคลื่นไส้ให้รอจนกว่าจะหายจึงค่อยดื่มน้ำดีเกลือ แล้วกลับไปนอนต่อ ห้ามดื่มก่อน 6 โมงเช้า
2 ชั่วโมงต่อมา : ดื่มน้ำดีเกลือแก้วสุดท้าย แล้วกลับไปนอนอีกครั้ง
หลังจากนั้นอีก 2 ชั่วโมง : เริ่มทานน้ำผลไม้ได้, ครึ่งชั่วโมงถัดไปรับประทานผลไม้ได้, หนึ่งชั่วโมงถัดไปทานอาหารปกติได้ แต่ควรทานน้อย ๆ
ทำตามโปรแกรมได้ดีแค่ไหน?
จะมีอาการท้องเสียในตอนเช้า ให้มองหาก้อนสีเขียวซึ่งเป็นก้อนนิ่ว ไม่ใช่อุจจาระ น้ำดีจากตับนั้นจะมีสีเขียว อุจจาระที่ออกมาจะจม แต่ก้อนนิ่วจะลอยเพราะมีคอเลสเตอรอลผสมอยู่ในนิ่วด้วย
ให้ลองนับปริมาณคร่าว ๆ ของก้อนนิ่วที่เจอไม่ว่าจะเป็นก้อนสีเขียวหรือสีน้ำตาล ปกติแล้วจะมีอยู่ประมาณ 2,000 ก้อน หากนับได้ประมาณนี้ก็ถือได้ว่าตับค่อนข้างสะอาดมากพอที่จะทำให้หายจากอาการภูมิแพ้, อาการอักเสบของหัวไหล่ หรืออาการปวดหลังช่วงบนได้อย่างถาวร อาจทำความสะอาดตับได้เป็นช่วง ๆ ห่างกันประมาณ 2 สัปดาห์ และไม่ควรทำเมื่อป่วย
บางครั้งท่อน้ำดีก็เต็มไปด้วยเม็ดคอเลสเตอรอลที่ยังไม่ก่อตัวเป็นก้อนนิ่ว จึงอาจมีลักษณะเหมือนแกลบลอยอยู่ในโถชักโครก อาจมีสีน้ำตาล และอาจมีเม็ดขาวเล็ก ๆ นับล้านอยู่ด้วย การล้างทำความสะอาดเม็ดเล็กขาวและที่มีลักษณะลอยเหมือนแกลบนี้สำคัญเช่นกัน เพื่อจะกำจัดออกไปก่อนที่จะเป็นก้อนนิ่ว
วิธีการทำความสะอาดตับนี้ปลอดภัยมาก ไม่มีใครต้องเข้าโรงพยาบาลจากการทำขั้นตอนเหล่านี้ ไม่มีแม้แต่ความเจ็บปวดให้กล่าวถึง แต่ก็อาจทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายบ้างเล็กน้อย 1-2 วัน
ขั้นตอนเหล่านี้นั้นขัดแย้งกับการรักษาทางการแพทย์สมัยใหม่ เข้าใจกันไปว่าก้อนนิ่วนั้นเกิดขึ้นในถุงน้ำดีไม่ใช่ในตับ คิดว่ามีปริมาณน้อยไม่ถึงหลักพัน ไม่ได้เกิดความเจ็บปวดยกเว้นว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี และก็ไม่ยากที่จะเข้าใจว่าทำไมถึงคิดเช่นนั้น เพราะเมื่อเวลาที่เจ็บปวดขึ้นมาฉับพลัน จะพบว่ามีก้อนนิ่วบางก้อนนั้นอยู่ในถุงน้ำดีมีขนาดใหญ่พอที่จะมองเห็นได้ด้วยการเอ็กซ์เรย์ และทำให้เกิดการอักเสบบริเวณนั้น เมื่อกำจัดเอาถุงน้ำดีออกไป ความเจ็บปวดดังกล่าวก็หายไป แต่อาการอักเสบที่หัวไหล่และอาการอื่น ๆ รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหารนั้นยังคงอยู่
ที่มา
1. Bucci LR, Hickson JF, Wolinsky I, et al. Ornithine supplementation and insulin release in bodybuilders. Int J Sport Nutr 1992;2:287–91.
2. Fogelholm GM, Naveri HK, Kiilavuori KT, et al. Low-dose amino acid supplementation: no effects on serum human growth hormone and insulin in male weightlifters. Int J Sport Nutr 1993;3:290–7.
3. Lambert MI, Hefer JA, Millar RP, et al. Failure of commercial oral amino acid supplements to increase serum growth hormone concentrations in male body-builders. Int J Sport Nutr 1993;3:298–305.
4. Bucci L, Hickson JF et al. Ornithine ingestion and growth hormone release in bodybuilders. Nutr Res 1990;10:239–45.
5. Elam RP, Hardin DH, Sutton RA, et al. Effects of arginine and ornithine on strength, lean body mass and urinary hydroxyproline in adult males. J Sports Med Phys Fitness 1989;29:52–6.
6. Cynober L. place des nouveaux substrats azotés en nutrition artificielle périopératoire de l’adulte. Nutr Clin Métabole 1995;9:113 [in French].
7. Brocker P, Vellas B, Albarede JL, Poynard T. A two-centre, randomized, double-blind trial of ornithine oxoglutarate in 194 elderly, ambulatory, convalescent subjects. Age Ageing 1994;23:303–6.
8. Stauch S, Kircheis G, Adler G, et al. Oral L-ornithine-L-aspartate therapy of chronic hepatic encephalopathy: results of a placebo-controlled double-blind study. J Hepatol 1998;28:856–64.
9. Cynober L. Amino acid metabolism in thermal burns. JPEN 1989;13:196.
10. De Bandt JP, Coudray-Lucas C, Lioret N, et al. A randomized controlled trial of the influence of the mode of enteral ornithine alpha-ketoglutarate administration in burn patients. J Nutr 1998;128:563–9.
11. Zieve L. Conditional deficiencies of ornithine or arginine. J Am Coll Nutr 1986;5:167–76. [review]
แปลและเรียบเรียงโดย Acnethai.com